ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้สหภาพยุโรป (EU) จ่อเริ่มเก็บภาษีคาร์บอน (CBAM) ต้นปีหน้า คาดส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเพิ่มมากขึ้นเป็นราว 2.8 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 ขณะที่ประเทศไทยยังต้องรอการออกมาตรการภาคบังคับ แต่ความล่าช้าของกฎหมายอาจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบ มองอุตสาหกรรมไทยส่วนใหญ่ยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าค่ามาตรฐานของ EU CBAM เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แนะช่วงปี 2568 – 2573 คือหัวเลี้ยวหัวต่อ ธุรกิจที่เริ่มปรับตัวลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ก่อนจะสร้างความได้เปรียบ

          ดร. กฤตย์ สีตะธนี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้สหรัฐฯ มีการชะลอการดำเนินการเรื่องความยั่งยืน แต่ประเทศคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะ EU จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนจากมาตรการ EU CBAM ตั้งแต่ต้นปีหน้า ส่งผลให้สินค้านำเข้าจากไทยต้องรับภาระต้นทุนคาร์บอน และ EU จะทยอยเพิ่มความเข้มข้นจนเต็มรูปแบบหลังปี 2577 นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จีน และญี่ปุ่น จะดำเนินมาตรการในทำนองเดียวกัน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนเพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน

นายจักรี พิศาลพฤกษ์ เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า โครงสร้างตลาดคาร์บอนของประเทศไทยในลักษณะภาคสมัครใจยังเป็นข้อจำกัดต่อการสร้างแรงจูงใจ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม ได้แก่ การปลดล็อคข้อกำหนดการใช้โครงข่ายไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาด เช่น เช่น Direct Power Purchase Agreement รวมถึงกฎหมายภาคบังคับมาอุดช่องว่าง โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะทำให้ประเทศไทยมี Carbon Tax และระบบ Emission Trading Scheme (ETS) อย่างไรก็ดี ความล่าช้าในการบังคับใช้ ร่าง พ.ร.บ.ฯ หลัง EU CBAM ประมาณ 2 ปี อาจทำให้ไทยเสียโอกาสนำเงินค่าธรรมเนียมคาร์บอนมาเป็นกองทุนสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศแทนการจ่ายให้กับต่างประเทศ  

ดร. รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า EU CBAM มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่ครอบคลุมมูลค่าสินค้าเพียง 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นราว 2.8 หมื่นล้านบาทภายในปี 2573 ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ประกอบการไทยจะพยายามปรับตัวโดยดำเนินกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก แต่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าค่ามาตรฐานของ EU CBAM ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า อาจต้องเสียค่าปรับโดยเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อการส่งออกสินค้า 1 ล้านบาทไปยัง EU

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ให้คำแนะนำว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการไทยมีสองทางเลือก ได้แก่ “รอหรือลุย” คือจะรอให้กฎหมายและแรงกดดันจากต่างประเทศบังคับ หรือเริ่มและลงมือทันทีเพื่อสร้างความได้เปรียบ ลดความเสี่ยง และเตรียมรับภาษีคาร์บอน โดยช่วงปี 2568 – 2573 คือหัวเลี้ยวหัวต่อ ใครเริ่มก่อนย่อมได้เปรียบ สิ่งสำคัญคือ การทำธุรกิจให้ “กรีนขึ้น” ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก เพียงเริ่มจากมาตรการง่ายๆ เช่น ใช้พลังงานคุ้มค่า จัดการของเสีย หรือเลือกซัพพลายเออร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็ช่วยลดต้นทุน เสริมภาพลักษณ์รวมถึงทยอยปรับตามมาตรฐานสากลอีกด้วย

KResearch advises entrepreneurs to brace for the EU Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) early next year, as the global sustainability trend remains strong, even as the US begins to soften its stance

    The European Union (EU) is set to begin collecting a carbon tax under the Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) early next year. It is expected that related impacts on Thai exports may increase by around Baht 28 billion within 2030. Thailand still awaits the implementation of mandatory domestic measures, but delays in legislation could place Thai businesses at a competitive disadvantage. Most Thai industries continue to emit greenhouse gases above the EU CBAM standards, exposing them to the risk of higher costs. The period from 2025 to 2030 will be a critical turning point, where businesses that begin reducing greenhouse gas emissions early will gain a competitive edge.

  Dr. Krit Sitathani, KResearch Assistant Managing Director, said, “Even though the US has delayed the implementation of matters related to sustainability, the EU – a key trading partner – is scheduled to begin collecting a carbon fee under the EU Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM), starting early next year. As a result, Thai imports into the EU may incur a carbon cost. The EU will gradually enact the measure until it is fully implemented after 2034. Furthermore, China and Japan are likely to implement similar measures, which means Thai entrepreneurs must urgently reduce their greenhouse gas emissions and disclose carbon data to maintain competitiveness.”

  Mr. Jakree Pisarnpruek, KResearch Senior Researcher, said, “Thailand’s voluntary carbon market structure remains a limitation in creating incentives. Therefore, additional supporting measures are needed, such as unlocking regulations on the use of the power grid to promote clean energy consumption, including direct Power Purchase Agreements [PPA] and legislation that would close existing gaps, particularly the draft Climate Change Act, which would enable Thailand to implement a carbon tax and an Emissions Trading Scheme [ETS]. However, the delay in enforcing the draft Climate Change Act, estimated to be around two years after the EU CBAM takes effect, could cause Thailand to miss the opportunity to channel carbon fee revenues into a domestic fund to support local businesses, instead of paying those fees to foreign entities.”

  Dr. Rujipun Assarut, KResearch Assistant Managing Director, added, “The EU CBAM is likely to have an increasing impact on Thai exports, expanding from the current coverage of goods valued at only Baht 11 billion to approximately Baht 28 billion by 2030. Although Thai entrepreneurs are attempting to adapt by engaging in greenhouse gas reduction activities, most industries still emit greenhouse gases exceeding the EU CBAM standard, leading KResearch to estimate an average fine of Baht 500,000 per Baht 1 million of exports to the EU.”

  KResearch suggests that Thai entrepreneurs currently face two choices: “wait or act,” whether to wait for foreign laws and pressures to take effect, or take immediate action to gain an advantage, reduce risks, and prepare for carbon taxes. The period from 2025 to 2030 is a critical turning point, and those who act first will have the upper hand. The key is to make the business “greener,” which does not necessarily require a large investment. Starting with basic measures, such as using energy efficiently, managing waste, or choosing environmentally friendly suppliers, can immediately reduce costs and enhance brand image, while also gradually adapting to international standards.

*****************************************

ภาพข่าวประชาสัมพันธ์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เตือนผู้ประกอบการไทยเตรียมรับมือ EU CBAM ต้นปีหน้า ตามกระแสความยั่งยืนโลกที่ยังไม่แผ่ว แม้สหรัฐฯ เริ่มผ่อนปรน

            ดร.กฤตย์ สีตะธนี (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ดร.รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และนายจักรี พิศาลพฤกษ์ (ขวา) เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ร่วมบรรยายพิเศษเรื่อง “ธุรกิจไทยยังต้องเตรียมพร้อมกับภาษี Carbon อีกหรือไม่?” มองสหภาพยุโรป (EU) จ่อเริ่มเก็บภาษีคาร์บอน (CBAM) ต้นปีหน้า คาดส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเพิ่มมากขึ้นเป็นราว 2.8 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 ขณะที่ประเทศไทยยังต้องรอการออกมาตรการภาคบังคับ แต่ความล่าช้าของกฎหมายอาจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบ มองอุตสาหกรรมไทยส่วนใหญ่ยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าค่ามาตรฐานของ EU CBAM เสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แนะช่วงปี 2568 – 2573 ธุรกิจที่เริ่มปรับตัวลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ก่อนจะสร้างความได้เปรียบ โดยมีนายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ร่วมฟังบรรยาย ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ อาคารพหลโยธิน เมื่อเร็วๆ นี้

KResearch advises entrepreneurs to brace for the EU Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) early next year, as the global sustainability trend remains strong, even as the US begins to soften its stance

            Dr. Krit Sitathani (2^nd from left), KResearch Assistant Managing Director, Dr. Rujipun Assarut (left), KResearch Assistant Managing Director, and Mr. Jakree Pisarnpruek (right), KResearch Senior Researcher,  recently gave a special lecture titled, “Do Thai Businesses Still Need to Brace for Carbon Taxes?”. They stated that the European Union (EU) is set to begin collecting a carbon tax under the EU Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) early next year. It is expected that related impacts on Thai exports may increase by around Baht 28 billion within 2030. Thailand still awaits the implementation of mandatory domestic measures, but delays in legislation could place Thai businesses at a competitive disadvantage. Most Thai industries continue to emit greenhouse gases above the EU CBAM standards, exposing them to the risk of higher costs. The period from 2025 to 2030 will be a critical turning point, where businesses that begin reducing greenhouse gas emissions early will gain a competitive edge.  Mr. Burin Adulwattana (2^nd from right), Managing Director and Chief Economist of Kasikorn Research Center Co., Ltd., also attended the lecture. The event was held recently at KBank Head Office, Phahon Yothin Building.

(2^nd from left),

—————————