ในโลกของการทำงานและการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ ซึ่งมีเบื้องหลังมากมายที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนทำงานในสายนี้ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การวางแผนอย่างเป็นระบบ และความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างมืออาชีพ วันนี้มีโอกาสพิเศษได้พูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานอีเว้นท์ ซึ่งได้ฝากผลงานไว้กับหลากหลายโปรเจกต์ซึ่งพร้อมจะแบ่งปันเรื่องราว ประสบการณ์ รวมถึงแง่มุมต่างๆ ของการทำงานเบื้องหลังที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น มาติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจของ “รุ้งเพชร จันทร์เพ็ญ” Marketing Communication Manager Live & Play Businesses บริษัท Bhiraj Buri Group กันได้เลย

รุ้งเพชร กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่สายงานด้านอีเว้นท์เคยทำงานด้านสื่อสารองค์กรที่ไทยรัฐและ RS มาก่อน ทำเรื่องเกี่ยวกับ Corporate การสื่อสาร Branding และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ซึ่งไม่ใช่แค่การคิดคอนเทนต์ ทำ Branding หรือคิด Gimmick ต่างๆ แต่ยังรวมไปถึงการทำอีเว้นท์ไปด้วย ตรงนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องการทำงานด้านการทำอีเว้นท์มากขึ้น เช่น ตอนอยู่ที่ RS เราทำด้าน PR สื่อสารก็จริง แต่สุดท้ายเราก็ต้องคิดอีเว้นท์ใหม่ๆ ให้แก่ศิลปินอยู่เสมอเพื่อให้เกิด Value หรือเกิด Activity ด้วย

“กับงานด้านการสื่อสารองค์กรที่เรามีโอกาสได้ทำหลังจากเรียนจบสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ ม.รังสิต ต้องบอกว่าเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ที่เรียนมาได้ดีมาก อันดับแรกเลย คือวิธีการคิดและกระบวนการทำโครงการ เพราะว่าเรียนเรื่องการประชาสัมพันธ์มันคือการที่เราต้องมองในภาพรวม ภาพกว้างก่อน แล้วก็เกิดเป็นภาคปฏิบัติหรือการทำกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ ฉะนั้น การประชาสัมพันธ์จึงทำให้รู้ว่า นอกจากที่เราจะคิดกิจกรรมให้มันตอบโจทย์หรือสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแล้ว เราต้องคำนึงถึงมุมในภาพกว้างด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแอดประชาสัมพันธ์หรือตัวข้อความที่จะสื่อสาร ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราเรียนมาสามารถต่อยอดในการทำงานของเราได้เป็นอย่างดี”

ภายหลังทำงานสื่อสารองค์กรเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาระยะเวลาหนึ่ง ก็ได้เข้ามาทำงานด้านอีเว้นท์อย่างเต็มตัวที่บริษัท Bhiraj Buri Group โดยโปรเจกต์แรกที่ได้ทำคือ Bangkok Design Week ด้วยความที่ตอนนั้นไบเทคกำลังจะมีโครงการใหม่ และเราต้องสื่อสารแบรนด์ในโครงการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไบเทค ทางผู้บริหารได้ไปร่วมกับ Bangkok Design Week ทำโปรเจกต์ Pop Up Park ซึ่งเป็นสวนเคลื่อนที่กับทาง Bangkok Design Week จะเป็น Viral เหมือนรถแดงที่เคลื่อนที่ในชุมชนแต่ว่าเราเอาต้นไม้เข้าไป ส่วนงานนี้ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 2 เดือน ก่อนเราต้องกลั่นกรองกระบวนการคิดการประสานงาน ขณะเดียวกันต้องคิดว่าสุดท้ายแล้วบริษัทเราได้อะไรจากการที่เราคิดอีเว้นท์นั้นๆ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ว่าลูกค้ามาซื้อของแต่ว่ามันต้องสร้างการรับรู้ได้ด้วย ทั้งนี้ โปรเจกต์ที่เราทำมีหลาย activity action ในโปรเจกต์มาก ไม่ว่าจะเป็นการขายของ การทำ Work Shop การเน้นสร้างการเรียนรู้ให้คน หรือแม้กระทั่งอีเว้นท์ ฉะนั้น ตอนที่เราคิดจะต้องครอบคลุมให้ครบให้หมดทุกเรื่องที่กล่าวมา  

“หากถามว่าสเต็ปในการคิดงานเป็นแบบไหน จริงๆ แล้วทุกอย่างเป็น Pattern เลย ตั้งแต่คิดชื่อ วัตถุประสงค์ วิธีการ ขั้นตอน และสุดท้ายก็ต้องมาประเมินการทำงาน วิธีคิดก็เหมือนกันตั้งแต่สมัยที่เรียนมา แต่ด้วยยุคสมัยเปลี่ยน แพล็ตฟอร์มการสื่อสารเปลี่ยน วิธีการคิดและวิธีการก็ต้องเปลี่ยนตามด้วย”

หากเปรียบเทียบงานด้านสื่อสารองค์กรกับงานอีเว้นท์ ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราทำงานด้าน Corporate ของบริษัทองค์กรก็จะเป็น Pattern ซึ่งจะเป็น Product ขององค์กร ขณะที่เมื่อเรามาทำอีเว้นท์เรากลับรู้สึกว่ามันได้ Refresh ตัวเองอยู่เรื่อยๆ และทำให้รู้สึกว่าเราได้ทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งการที่เราได้ทำด้านสื่อสารองค์กรแล้วเปลี่ยนมาทำอีเว้นท์ก็เป็นสิ่งท้าทายอย่างหนึ่ง ซึ่งก็มรบ้างที่ความคิดหรือไอเดียสร้างสรรค์มันตันบ้าง ฉะนั้น การหาไอเดียหรือการออกไปดูโลกภายนอกมากขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการคิดโปรเจกต์งานใหม่ๆ

“อนาคตมองว่าธุรกิจอีเว้นท์ที่เป็นรูปแบบใหม่กำลังจะเกิดขึ้นใน 3-5 ปีนี้แน่นอน จะเป็นอีเว้นท์ที่เน้นเรื่องการรักษ์โลกมากขึ้น ขณะเดียวกันมองว่าวิธีการทำอีเว้นท์จะไม่เป็น Pattern เดิมอีกต่อไป จะต้องทำให้มีความรู้สึกว่าผู้คนสามารถเข้าถึงอีเว้นท์นั้นได้จริงๆ สุดท้ายแล้วอีเว้นท์มันคิดได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งการที่เราได้เริ่มทำสิ่งใหม่ๆ และรู้สึกสนุกไปกับสิ่งที่ได้ทำ สุดท้ายการเรียนรู้มันไม่ได้จบแค่การทำงานเดิม หรือ Routine เดิมๆ แต่การที่เราได้ทำอะไรที่มันท้าทายมากขึ้น สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งท้าทายสำหรับการพัฒนาตัวเองในการทำงานให้ดีขึ้น กับการทำงานบนเส้นทางนี้บอกได้เลยว่า ทุกครั้งที่คิดโปรเจกต์ใหม่ๆ และเราทำมันสำเร็จก็คือความสุขอย่างหนึ่งในการทำงาน เพราะว่ารุ้งทำเต็มที่ในทุกหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเอง และเรารู้สึกภูมิใจกับทุกโปรเจกต์ที่เราสามารถปิดจบงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ” รุ้งเพชร กล่าวเพิ่มเติม

เรื่องราวการทำงานของ “รุ้งเพชร จันทร์เพ็ญ” ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า “คนเบื้องหลัง” คือหัวใจสำคัญของทุกงานที่ประสบความสำเร็จ และหวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจดีๆ กลับไปเหมือนกับเราในครั้งนี้ ขณะเดียวกันไม่เพียงแต่ทำให้เราเห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในสายงานอีเว้นท์ แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่อยากก้าวเข้าสู่วงการนี้ได้อย่างแท้จริง

**********************************************


ค้นพบเพิ่มเติมจาก Sabaidee Thailand

สมัครสมาชิกเพื่อรับเรื่องล่าสุดที่ส่งไปยังอีเมลของคุณ.

ใส่ความเห็น

ค้นพบเพิ่มเติมจาก Sabaidee Thailand

สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่ออ่านต่อและเข้าถึงคลังเก็บทั้งหมด.

อ่านต่อ