สวัสดีค่ะ เพื่อนๆนักอ่านทุกท่านและ FC เจี๊ยบSabaidee Thailand ทริปนี้เจี็ยบและเพื่อนๆจะพาไปเที่ยวอุดรธานี เมืองแห่ง 3 ธรรม ได้แก่ ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม โดยทริปนี้ ช.ส.ท.ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. คณะสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยววัยเก๋า จะพาทุกท่านไปเยือนเมืองอุดรธานี ตั้งแต่ วันที่ 24-27 สิงหาคม 2566

โดยการนำทีมของคุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือ ช.ส.ท. นัดรวมตัวกันที่ปั๊มป.ต.ท ถ.วิภาวดี เวลา19.00 น.เพื่อออกเดินทางด้วยรถบัสVIP พวกเราถึงอุดรกันเช้าเลย แวะเติมพลัง ณ ร้านคิงส์โอชา ร้านขึ้นชื่อของเมืองอุดร เมนูหลักคือไข่กระทะ ขนมปังทรงเครื่อง ข้าวเปียกหรือก๋วยจั๊บญวน และโจ๊กหมู อร่อยมากๆเลยค่ะ

สถานที่แรกที่เราไปเที่ยวกันคือ พิพิธภัณฑ์บ้านเชียงซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาหลายพันปีนะคะ เจี๊ยบได้เข้าไปดูประวัติศาสตร์ ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่ง ขณะนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ให้ไว้ด้วยนะคะ

ต่อจากนั้นพวกเราก็ ไปไหว้พระที่วัดสันติวนารามซึ่งเป็นวัดที่มีอุโบสถทรงดอกบัวสีขาวกลางน้ำ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอ 19เมตร สูง 19เมตร กลีบดอกบัว 24 กลีบ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งภายในอุโบสถได้มีพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส และ รูปหล่อพระครูพิสารธรรมพาที อดีตเจ้าอาวาส ในอุโบสถด้วยค่ะ

ไปต่อกันเลยค่ะ พวกเรามาที่วัดโพธิสมภรณ์ ทางขึ้นอุโบสถมีพญานาคสวยงามมาก ภายในมีรูปหล่อหลวงปู่มั่นพร้อมด้วยภาพจิตกรรมฝาผนัง ให้ชมอีกด้วยนะคะ

มาเมืองอุดรทั้งที ต้องศึกษาและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ของจ.อุดรธานีกันก่อนนะค่ะ เรามากันที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นการแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองอุดรธานี ผ่านมัลติมีเดียสีสันสวยงาม

หลังจากนั้นเราก็เลยไปสักการะขอพรศาลหลักเมืองอุดรธานี ให้การเงินการงาน มั่นคง มั่งคั่งหนักแน่นดั่ง ศาลหลักเมืองนี้ ศาลหลักเมืองอุดรธานี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2502 ได้อัญเชิญตัวดวงพระวิญญาณของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี มาสถิตย์ ณ เสาหลักเมืองนี้ด้วย และยังมีพระพุทธรูปหลวงพ่อโพธิ์ทอง ท้าวเวสสุวรรณ ไหว้ขอพรเสริมศิริมงคลให้แก่ตนเอง สาธุๆขอพรที่ขอไว้สมหวังโดยเทอญ.

ท้องเริ่มหิวแล้ว เราไปทานอาหารเย็นกันที่ร้านชบาบาร์น ซึ่งเป็นร้านสไตล์อีสานวินเทจ ภายในร้านตกแต่งด้วยโคมไฟซึ่งทำจากสุ่มไก่ อาหารที่ทางร้านแนะนำคือไส้กรอกอีสาน ซึ่ง 1 จานมีไม่กี่ชิ้นเอง แต่อร่อยมากๆค่ะ ตามลาบหมูแบบสูตรโบราณ ต้มเปรอะ ส้มตำ น้ำพริกพร้อมด้วยผักสด ปลาส้มทอด แซ่บหลายๆเลยค่ะ

หลังจากอิ่มท้องแล้วเราก็ไปนอนพักกันที่โรงแรมสยามแกรนด์เพื่อที่จะไป สถานที่ต่างๆในวันต่อไป

วันที่ 2 ทางคณะ ได้ไปเยี่ยมเยือนที่หมู่บ้านคีรีวงกตโดยทางเรานั่งรถอีแต๊ก แล่นไปตามลำธารอย่างช้าๆ บรรยากาศข้างทาง ทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ด้วยอากาศที่สดชื่น เราจะไปทานข้าวเที่ยงกันที่กลางป่า พร้อมชมน้ำตก อาหารที่หมู่บ้านคีรีวงกต เสริฟมาพร้อมกับ กระบอกไม้ไผ่ซึ่งเป็น แกงส้มปลาหน่อกล้วย อร่อยมากๆเลยค่ะ และส้มตำปลาร้า ไก่ย่าง ปลาเผา แซ่บอีหลีเด้อค่ะ และสามารถยังรีฟิล ทั้งไก่ย่างและส้มตำอีกหลายรอบเลย ถูกใจอย่างแรงเลยค่ะ ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยว โทร.สอบถามข้อมูลได้ที่ ผู้ใหญ่บ้านนรินทร์ อนันทวรรณ์ กลุ่มท่องเที่ยวเชิงนิเวศคีรีวงกต โทร. 08-3147-9004

อิ่มท้องอิ่มใจกันแล้ว เรามาอิ่มบุญกันค่ะ ไปไหว้พระที่วัดป่าภูก้อน เป็นวัดที่ สวยงามเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยซึ่งการเดินทางต้องนั่งรถกระบะโฟวิลของทางวัดที่จัดไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนวัดภายในพระวิหารมี พระพุทธไสยาสน์ ซึ่งทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี มีความยาว 20 เมตร โดยใช้หินอ่อนจำนวน 43 ก้อน น้ำหนักก้อนละประมาณ 15–30 ตัน นำเข้ามาแกะสลักที่วัดป่าภูก้อนแล้วยกขึ้นเรียงบนฐานซ้อนกัน 3 ชั้น เป็นองค์พระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาอาสนะพุทธะ ซึ่งเป็นลานหินแข็งแกร่ง ยาวประมาณ 110 เมตร ใช้งบประมาณสร้างพระพุทธไสยาสน์ราว 50 ล้านบาท และสร้างพระวิหารครอบองค์พระพุทธไสยาสน์ไว้อีกชั้นหนึ่ง มีขนาดกว้าง 39 เมตร ยาว 49 เมตร พร้อมศาลาราย 6 หลัง และที่พักชั้นใต้ดินรอบลานเขา เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แห่งสมัยรัตนโกสินทร์ งบประมาณก่อสร้างพระวิหารและอาคารรอบลานเขาราว 270 ล้านบาท

ต่อจากนั้นเราก็ต่อไปกัน ที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ซึ่งปรากฎร่องรอยกิจกรรมมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อราว 2,000-3,000 กว่าปีมาแล้ว และยังพบการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของคนในสมัย วัฒนธรรมทราวดี ลพบุรี และล้านช้าง ภายในอุทยาน มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.042-219-837-8

วันที่ 3 พวกเราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมสยามแกรนด์ เวลา 9.00 น.

เพื่อไปวัดเกศรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อบูชาคุณองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยญาณอันบริสุทธิ์ เป็นวัดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในเมืองอุดรธานี พุทธสานิกชนที่ต้องการเข้าสักการะ ทางวัดเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ เวลา 8.30-16.30 น. ทุกวัน

อิ่มบุญแล้วค่ะไปอิ่มปอดกันที่ โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ภูฝอยลม อำเภอหนองแสง ภูฝอยลม อยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 600เมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะ ฤดูหนาว อุณหภูมิ 3 องศา เย็นสบายเลยสูดลมหายใจแรงๆให้ออกซิเจน อากาศที่บริสุทธิ์ เข้าไปเต็มปอด ให้มีพลังกลับไปทำงานต่อได้อย่างเต็มที่ มีสวนรวมพันธุ์ไม้ 60 พรรษามหาราชินี พุทธสถานภูฝอยลม พิพิธภัณฑ์ล้านปี และจุดชมวิวภูฝอยลม ภูฝอยลมมีบ้านพัก จุดกลางเต้นท์ และร้านค้าสวัสดิการให้บริการนักท่องเที่ยว สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ โทร 08-9710-2633และ 09-7301-7565

หลังจากนั้นเรา คณะได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯก่อนแวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารแป้งหอม ซึ่งเป็นร้านอาหาร ที่ติดมิชลินไกด์อีกด้วยค่ะ อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างเลยเช่น แกงส้มปลาช่อนแป๊ะซะ ปลาราดพริก ผัดเต้าหู้ทรงเครื่อง ผัดผักกุ้งรวมมิตร น้ำพริกกะปิผักสด แกงคั่วหอยขม เป็นอาหารของโปรดของของเจี๊ยบเลยค่ะ อร่อยจริงๆคอนเฟิร์มเลยค่ะ หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ทางคณะก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯซึ่งพวกเราถึงจะประมาณเที่ยงคืน ทริปอุดรนี้ ม่วนหลายเด้อค่ะ

เจี๊ยบ Sabaidee Thailand ขอขอบคุณ ช.ส.ท.- ททท. พี่แอ้ว วรางคณา ประธานชมรม, พี่อู๋ พูลผลที่ปรึกษาชมรม คณะกรรมการทุกๆท่านสื่อมวลชนและท่องและไกด์กิตติมศักดิ์อ.ชาติชาย -อ.พลาดิศัย และไกด์ไข่ต้ม สนุกมากๆค่ะ ทริปหน้าขอไปอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ


ค้นพบเพิ่มเติมจาก Sabaidee Thailand

สมัครสมาชิกเพื่อรับเรื่องล่าสุดที่ส่งไปยังอีเมลของคุณ.

ใส่ความเห็น

ค้นพบเพิ่มเติมจาก Sabaidee Thailand

สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่ออ่านต่อและเข้าถึงคลังเก็บทั้งหมด.

อ่านต่อ